วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ระวัง.....เสพติดยา

    
ไม่ใช่เฉพาะยาเสพติดเท่านั้นที่ทำให้คนติดจนเลิกได้ยาก แม้แต่ยาประจำบ้านก็ทำให้เสพติดได้เหมือนกัน ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมันแจ้งว่า ชาวเยอรมนีประมาณ 2 ล้านคนติดยา อย่างเช่น
ยาแก้ไอ มีสาร Codeine ที่จะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นและหากกินไปนานๆ หรือกินมากเกินไปก็ทำให้ติดยาได้ ข้อแนะนำก็คือไม่ควรกินนานเกินกว่า 5 วัน
การรักษาแบบทางเลือก ดื่มน้ำมากๆ และอมยาแก้ไอ
สเปรย์พ่นจมูก สาร Naphazoline ในสเปรย์พ่นจมูกควรใช้มากที่สุดได้ไม่เกิน 3 ครั้งในหนึ่งวันและไม่ควรพ่นจมูกเกิน 5 วัน มิเช่นนั้นจะทำให้เนื้อเยื่อจมูกบวมอยู่เสมอทั้งๆ ที่ไม่มีน้ำมูก ข้อแนะนำก็คือ ให้ใช้ยาสเปรย์พ่นจมูกในปริมาณต่ำกับเด็กๆ และค่อยๆ เลิกใช้
การรักษาแบบทางเลือก ควรใช้สเปรย์จากน้ำเกลือจะดีกว่า
ยาแก้ท้องผูก ยาที่มีสารของ Natriumpicosulfate จะทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวและขจัดของเสีย แต่ก็จะทำให้ลำไส้ขี้เกียจยิ่งขึ้นเพราะมีผู้ช่วย ข้อแนะนำก็คือ ไม่ควรกินยาถ่ายเกิน 4 วันและควรได้รับการแนะนำจากแพทย์ว่าควรกินได้แค่ไหน
การรักษาแบบทางเลือก ควรกินผักและผลไม้ที่มีกากใยให้มากขึ้น ลดอาหารแป้ง น้ำตาล และเนื้อสัตว์ลง หากเป็นคนไม่ชอบกินผัก ก็อาจกินเม็ดแมงลักเพื่อใช้เป็นยาระบายเพ่ิมกาก โดยใช้เม็ดแมงลัก 1-2 ช้อนชา แช่น้ำหนึ่งแก้วจนพองตัวเต็มที่ กินก่อนนอน ถ้าเม็ดแมงลักพองตัวไม่เต็มที่จะทำให้ท้องอืดและอุจจาระแข็ง เม็ดแมงลักที่พองตัวเต็มที่จะเพิ่มปริมาณอุจจาระและทำให้อุจจาระอ่อนตัวกว่า ปกติ
ยานอนหลับ นักวิชาการเตือนว่า ยานอนหลับ อย่างเช่น Nitrazepam จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพลังงานที่สมองและทำให้ร่างกายต้องการยานอน หลับ ข้อแนะนำก็คือ ควรถามแพทย์ถึงยาที่มีสารที่ให้ผลต่ำ เช่น Brotizolam และไม่ควรกินนานเกินกว่า 2-4 สัปดาห์
การรักษาแบบทางเลือก อาการที่บอกว่านอนหลับไม่เพียงพอก็ คือรู้สึกอ่อนเพลียระหว่างวัน วิธีปราบอาการนอนไม่หลับง่ายๆ ก็คือ ก่อนนอนควรอาบน้ำ ฟังเพลงเพราะๆ หรืออ่านหนังสือ ไม่ควรกินมากก่อนเข้านอน และงดดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ หากนอนไม่หลับก็อย่ามองนาฬิกาบ่อยๆ ควรทำสมาธิ ทำจิตให้ว่าง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ออกกำลังกายให้มากขึ้น แต่ไม่ควรออกกำลังกายในเวลากลางคืนเพราะอาจทำให้นอนไม่หลับได้
หากทำทุกอย่างดังที่กล่าวมาแล้วก็ยังนอนไม่หลับ ก็อาจต้องพึ่งสมุนไพร เช่น ขี้เหล็ก โดยการใช้ดอกและใบอ่อน 2-3 กำมือ ต้มน้ำดื่มก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น
     สิ่งที่ไม่ควรทานควบคู่กันอย่างยิ่ง
   เลือกให้ ยานี้ไม่ควรกินคู่กันน้ำมันปลา + แอสไพริน = ถ้ากินร่วมกันแล้วจะทำให้เลือดไหลมาก เช่นไปทำฟันมา แล้วทาน น้ำมันปลา + แอสไพริน ควบคู่กัน ทำให้เลือดไหลไม่หยุด
อี + อีฟนิ่งพริมโรส ออยล์ = อาจทำให้หัวใจวายได้
แคลเซียมสด + แคลเซียมเสริม = กระดูกอาจจะงอกได้ เลือกทานแค่อย่างใดอย่างหนึ่งก็เพียงพอแล้ว
แคลเซี่ยม + กาแฟ = หักล้างของดีของเสีย
* ถ้าเป็นไทรัสซิเมีย ควรงดกินธาตุเหล็ก เพราะจะทำให้หัวใจวาย ไตทำงานหนักเกินไป
 สิ่งที่ทานคู่กันแล้วจะได้ผลดี
วิตามิน เอ ซี อี ทานร่วมกันได้
วิตามินซี + คอลลาเจน = ทำให้ผิวดี เช่น ต้มยำไก่ + มะนาว
น้ำมันปลา + EPA DHA
แคลเซี่ยม + แมกนิเซียม = เช่น มะม่วง + กะปิ
ธาตุเหล็ก + ซี = เช่น ต้มเลือดหมู ตำลึง + เลือดหมู
      กินยาคุมย้อนศรจะเกิดฤทธิ์เหมือนยาบ้า?
เกิดข่าวที่เป็นความเชื่อของวัยรุ่นเกี่ยวกับกินยาคุมกำเนิดย้อนศร โดยเชื่อกันว่าการกินอย่างนี้จะเกิดฤทธิ์เหมือนกับได้เสพบ้า
เราไปคุยกับคุณหมอหทัย เทพพิสัย นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนครอบครัวของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ความว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเนื้อของยาหรือฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดจะเกิดฤทธิ์กับภาวะประจำเดือนของสตรีเท่านั้น และไม่มีผลใดๆ เกี่ยวกับสารเสพติด
นอกจากนั้นยาคุมกำเนิดในปัจจุบันมีการพัฒนาคุณภาพยิ่งขึ้น โดยมีฮอร์โมนเอสโตรเจนในอัตราต่ำสุด แต่มีประสิทธิภาพสูงมากในการคุมกำเนิด และยังปลอดภัยต่อร่างกาย
ยาคุมกำเนิดจึงไม่มีฤทธิ์เป็นสารเสพติดและไม่มีทางออกฤทธิ์ออกเดชเป็นยาบ้าได้โดยเด็ดขาด
       แคลเซียมอัดเม็ด....ดีจริงหรอ....
    คนมักเข้าใจกันว่า ต้องกินแคลเซียมมากๆ กระดูกจะได้แข็งแรง
แต่จากการศึกษาของนักวิชาการ ไฮเคอ บิสชอฟฟ์ เฟอร์รารี จากสถาบันการแพทย์กายภาพ มหาวิทยาลัยซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์พบว่า วิตามินดีช่วยป้องกันกระดูกสะโพกหัก แต่แคลเซียมอัดเม็ดไม่อาจลดความเสี่ยงของกระดูกสะโพกหักได้ และในทางตรงกันข้ามยังพบว่าแคลเซียมอัดเม็ดเพิ่มความเสี่ยงกระดูกสะโพกหัก เพราะจากการศึกษาคนชราที่กินแคลเซียมอัดเม็ดเป็นประจำทำให้ร่างกายขาดฟอสฟอรัส เนื่องจากแคลเซียมสำเร็จรูปขัดขวางการดูดซึมฟอสฟอรัสจากลำไส้ จึงส่งผลให้มีการสลายกระดูก แต่ผลิตภัณฑ์นมมีแคลแซียมและฟอสฟอรัส โปรตีน จึงน่าจะเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีกว่า ดังนั้นการกินแคลเซียมอย่างเดียวจึงไม่ได้เป็นข้อการันตีว่า จะไม่เป็นโรคกระดูกพรุน
       บอก"รัก"วาเลนไทน์ไม่ต้องมอบกายเสมอไป
ความรักกับวัยรุ่นดูเหมือนจะเป็นของคู่กันไปแล้ว จนบางครั้งถึงขั้นที่ว่าใครไม่มีคนรักถือว่าเสียหน้า ค่านิยมเช่นนี้ส่งผลให้เมื่อถึงวันแห่งความรักหรือที่เรารู้จักในชื่อว่า "วันวาเลนไทน์"วัยรุ่นส่วนใหญ่มักสรรหาสิ่งของแทนความหมายของคำว่า "รัก" มาให้กันและกัน และหนึ่งในนั้นนั่นคือ "มอบกาย"ให้...จนเป็นเหตุให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมามากมายอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้...
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางสาวณัฐยา บุญภักดี ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ สสส.(สคส.) กล่าวกับเราว่า เมื่อวัยรุ่นกับความรักเป็นของคู่กันไปแล้ว การจะห้ามปรามคงเป็นเรื่องที่ยากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะหากผู้ปกครองยิ่งห้ามตั้งกฏเกณฑ์ เด็กก็จะยิ่งปิดบัง โกหก จนเกิดผลเสียในที่สุด และยิ่งดุด่าว่ากล่าว เด็กก็จะยิ่งออกห่างจากผู้เป็นพ่อแม่ นั่นถือไม่ใช่ทางออกที่ดีนักหากจะแก้ไขปัญหานี้
ผู้จัดการ สคส. กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาในแต่ละปี มีเด็กที่ประสบปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรจำนวนมาก เพราะขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ และสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่ายังมีเด็กที่เข้าใจผิดเรื่องเพศอยู่ คือ จากการเก็บรวบรวมข้อมูลพบคำถามยอดฮิตที่เด็กและเยาวชนถามมากที่สุด กลับเป็นว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครบริสุทธิ์ หรือ ครั้งแรกไม่ท้องใช่หรือไม่ ซึ่งนั้นแปลว่าเด็กยังเข้าใจผิดอยู่
ด้วยเหตุนี้พ่อแม่จึงจำเป็นต้องให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของเพศให้มากขึ้น เมื่อรู้ว่าลูกของเรามองว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม เราจำเป็นต้องยิ่งสอนให้เค้าเข้าใจและรู้จักการป้องกันอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะเรื่องของวิธีการป้องกัน รวมถึงการพกอุปกรณ์ป้องกัน
"พ่อแม่ ควรสอนลูกให้มองว่าการพกเป็นเรื่องที่ควรทำ และนั่นไม่ได้หมายความว่าเราส่งเสริมให้เค้าทำ เพราะการพกถุงยางมันก็เหมือนกับการพกปืน พกแล้วไม่ได้หมายความว่าเราจะไปใช้ยิงใคร เหมือนเข็มขัดนิรภัย รถทุกคันมี แต่ไม่ได้หมายความว่ารถทุกคันจะต้องไปชน ถุงยางก็เช่นกันมีไว้ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องใช้มันเสมอไป"น.ส.ณัฐยากล่าว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเด็กเองก็จำเป็นต้องรู้จักรับผิดชอบตนเอง รักตัวเองให้เป็น ด้วยการอย่าเอาตัวเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง หากเลี่ยงไม่ได้ควรมีศิลปะในการพูดต่อรอง 3 ขั้นตอน คือ 1.ถามตัวเองว่าพร้อมที่จะมีเซ็กซ์ พร้อมรับผลที่จะตามมาหรือไม่ 2.ตั้งสติ ใช้วิธีเจรจาเพื่อเอาตัวรอดเฉพาะหน้า และ 3.ไม่คิดว่าการพกถุงยางเป็นเรื่องเสื่อมเสีย เพียงเท่านี้เรื่องยุ่งๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น
หากแต่เกิดการพลาดพลั้งจนเป็นเหตุให้ตั้งครรภ์ขึ้นมา น.ส.ณัฐยา กล่าวต่อว่า สิ่งแรกที่ผู้เป็นพ่อแม่ควรจะทำคือการควบคุมอารมณ์ตนเองให้อยู่ ไม่ควรโมโห โกธร ดุด่าว่ากล่าวเด็ก อีกทั้งไม่ควรซ้ำเติมหรือซึมเศร้าเสียใจ เพราะนั้นจะทำให้เด็กหันไปหาทางออกด้วยตนเอง จนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องร้ายๆ ตามมาจนอาจถึงแก่ชีวิตได้ ทางออกที่ดีที่สุด พ่อแม่จำเป็นต้องอยู่ข้างๆ ลูก ให้กำลังใจเค้า นั่งคุย นั่งปรึกษาและหาทางออกร่วมกันน่าจะดีที่สุด
ทั้งนี้ ผู้จัดการ สคส. กล่าวทิ้งท้ายว่า หากจะเป็นอีกช่องทางในการช่วยลดปัญหาการท้องในวัยรุ่นได้ จำเป็นต้องมีพื้นที่และกิจกรรมที่ดีมารองรับ เพื่อให้เด็กใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เพราะปัจจุบันเด็กจะใช้ช่วงเวลาหลังเลิกเรียน แยกออกเป็น 2 กลุ่ม โดย 1.ไปเรียนพิเศษ 2.จับกลุ่มไปทำเรื่องไม่เหมาะสม ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นทั้งเด็กในเมืองและชนบท หากมีพื้นที่และกิจกรรมที่ดีมารองรับจะทำให้เด็กได้แสดงศักยภาพและเป็นการลดปัญหาต่างๆ ลงได้
    วาเลนไทน์เป็นวันแห่งความรักก็จริงอยู่...แต่ความรักไม่ใช่มีเพียงแค่แฟนหรือคู่รักเพียงอย่างเดียว แต่มันครอบคุมไปถึงครอบครัว คนรอบข้าง รวมถึงตัวเองด้วย ฉนั้นเราควรเอาวันนี้เป็นจุดเร่มตนในการแสดงความรักต่อคนสำคัญในชีวิตของเราอย่างพ่อแม่และตัวเอง น่าจะดีที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น